bas-46 | sportsmania

ที่ผ่านมา แฟน Die-hard นิวยอร์ก นิกส์ ได้แต่นั่งดูการตัดสินใจที่มีทั้ง สมหวัง และผิดพลาดกับการคว้าตัวผู้เล่น free agent,trades และอื่น ๆ ของบรรดา ‘ผู้จัดการทีม’ แต่ละคนที่เข้ามาไม่ว่าเป็น สกอตต์ เลย์เดน,ไอเซห์ โทมาส,เกล็น กรุนวอลด์ และดอนนี วอลช์ ซึ่ง แต่ละคนที่เข้ามาหลังสร้างความวุ่นวายให้ นิกส์ แล้ว พวกเขาก็จากไปพร้อมทิ้งปัญหาให้ทีมต้องตามเช็ดตามล้างโดยไม่รู้ว่าจะไปจบเมื่อ ไหร่

หลังหมดยุค วอลช์ ที่พาทีมเข้า เพลย์ ออฟ ได้เป็นครั้งแรกในปี 2011 จากที่ตกรอบมา 7 ปีติด พร้อมปัญหา คาร์เมโล แอนโทนีย์ เข้าสู่ยุค อดีตเด็กเก่าตนเอง ฟิล แจ๊คสัน ที่เข้ามานั่งตำแหน่งประธานในปี 2014 แต่ดูเหมือนทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้น และนี่คือ 15 ครั้ง กับความผิดพลาดครั้ง ใหญ่หลวงในประวัติศาสตร์ นิวยอร์ก นิกส์ ที่ผ่านมา

  15> นิกส์ trade เกล็น ไรซ์ เพื่อแลกกับ แชนดอน แอนเดอร์สัน

  ในปี 2001 นิกส์ ถูก ฮูสตัน ร็อคเกตส์ ต้มจนเปื่อยหลังส่งผู้เล่นที่ว่ากันว่าฝีมือระดับแค่ D league แชนดอน แอนเดอร์สัน ที่พวกเขาเซ็นไว้ 6 ปีพร้อมค่าเหนื่อย $41 ล้านไปให้ นิกส์ หลังเจ้าตัวทำผลงาน หรูในช่วง 2 ปีหลัง

  ซึ่งหลังย้ายไป นิกส์ แอนเดอร์สัน ก็เผยธาตุแท้ของตัวออกมา สถิติทุกตัวแย่ลงหมดยกเว้น 3 คะแนน   นอกเหนือจากการบาดเจ็บที่ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสลงเล่นตัวจริงแค่ 52 จาก 244 เกม

ในทางกลับกัน เกล็น ไรซ์ ที่มีปัญหาเรื่องการบาดเจ็บเช่นกันสมัยอยู่ นิกส์ และทำให้เขาลงเล่นตัวจริงแค่ 25 เกมแต่ยังทำเฉลี่ย 12 คะแนนต่อเกมรวมที่ชู้ต 3 คะแนนได้ถึง .389% แต่เมื่อย้ายไป ฮูสตัน พร้อมสภาพร่างกายที่กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ไรซ์ พา ฮูสตัน ที่ก่อนย้ายมาเก็บชัยชนะได้แค่ 28 เพิ่มมาเป็น 43 เกมเมื่อเขาย้ายเข้ามา

14> นิกส์ trade เคิร์ธ โทมาส

เคิร์ธ โทมาส ผู้เล่นที่ว่ากันว่า ทำได้ทุกอย่างหลังถูก ดัลลัส มาเวริคส์ เลือกเข้า มาเป็นคนที่ 10 ในปี 1995 ก่อนถูกปล่อยมาให้กับ นิกส์ ในปี 1998 เพื่อเตรียมเข้ามา แทนที่ ชาร์ลส์ โอ๊คลีย์ ซึ่งจะย้ายไปอยู่กับ ‘ไดโนเสาร์’ โตรอนโต แรพเตอร์ส หลังจบ ซีซั่น

ขณะตลอดชีวิตการเล่น โทมาส อาจทำเฉลี่ยแค่ 8 คะแนนกับ 7 รีบาวด์ต่อเกม อย่างไรก็ตามช่วงอยู่ นิกส์ นั้นคือ ช่วงดีสุดในชีวิตของเจ้าตัวเมื่อทำเฉลี่ย 14 คะแนน 10 รีบาวด์ แต่นั้นไม่สำคัญเท่ากับการเป็น ‘ผู้นำ’ หรือศูนย์รวมความเชื่อมั่นของเพื่อน ร่วมทีมโดยเฉพาะยามตั้งรับที่เขามีส่วนในการช่วยให้ นิกส์ เข้าถึงรอบชิงในปี 1999

อย่างไรก็ตามหลังรับใช้ต้นสังกัดมา 7 ปี นิกส์ จัดการ traded โทมาส ไปให้ ‘พระอาทิตย์’ ฟีนิกซ์ ซันส์ เพื่อแลกกับ คินติน ริชาร์ดสัน และแนต โรบินสัน ขณะที่ โรบินสัน ทำให้แฟน นิกส์ จดจำเขาได้ในฐานะผู้ชนะ Slam Dunk contest 3 สมัย แต่กับทีมเขากลับไม่สามารถทำได้เหมือนที่ โทมาส ได้ทำไว้

เช่นเดียวกับ ริชาร์ดสัน ที่ นิกส์ คว้าตัวเขาเข้ามาในฐานะมือปืน 3 คะแนนสมัยอยู่ กับ ซันส์ แต่เมื่อย้ายมา นิกส์ ไม่เพียงแค่ฟอร์มหลุดแถมยังเจอปัญหาการบาดเจ็บหลังที่ทำให้เขาต้องเข้ารับการผ่าตัด ส่งผลให้ลงเล่นได้แค่ 77 เกมเท่านั้นใน 3 ปีแรกที่ย้ายมาอยู่กับ นิกส์

13>นิกส์ trade จามาล ครอว์ฟอร์ด เพื่อแลกกับ อัล แฮร์ริงตัน

นิกส์ จับ ครอว์ฟอร์ด ที่ทำเฉลี่ย 16 คะแนน ต่อเกม ตลอด 4 ปีที่
อยู่กับทีมไปให้ ‘นักรบ’ โกลเด้นสเตต วอร์ริเออร์ส เพื่อแลก แฮร์ริงตัน เพียง
เพื่อเปิดทางให้ G สตีฟ ฟรันซิส ได้มีโอกาสลงเล่นนานขึ้น หลังทีมไปคว้า
ตัวเขามาจาก ออร์แลนโด เมจิก ก่อนหน้า

ว่ากันว่าการ traded ครั้งนี้เป็นการเสียเปล่า เนื่องจาก ณ เวลานั้น นิกส์
มีผู้เล่นในตำแหน่ง F อยู่เยอะแล้วไม่ว่าเป็น คินติน ริชาร์ดสัน,ดาวิด ลี,แชน
นิ่งค์ ฟราย และโรนัลโด บอลค์แมน

ขณะที่ ครอว์ฟอร์ด ซึ่งอายุครบ 37 ไปเมื่อเดือน มี.ค. 16 ปีที่เล่นใน
NBA ขาทำเฉลี่ย 12 คะแนนต่อเกม และเป็นกำลังสำคัญของ LA คลิป
เปอร์ส ด้วย อดีตผู้เล่นเจ้าของรางวัล สำรองยอดเยี่ยมหรือ Sixth Man
of the Year เป็นนักบาสเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ลีกที่คว้ารางวัลที่
ว่านี้ได้ถึง 3 สมัย

            ฝ่ายทางด้าน แฮร์ริงตัน ที่เลิกล่นไปในปี 2014 กลับไม่ได้ทำผลงานเป็นชิ้นเป็นอันให้กับ นิกส์ เลยนับแต่ย้ายเข้ามาก่อนชื่อของเขาจะหาย ไปตามกาลเวลา

12>นิกส์ trade ทรีวอร์ อรีซา เพื่อแลกกับ สตีฟ ฟรันซิส

  อรีซา ที่ถูกเลือกมาจากรอบ 2 ปี 2004 ปรับตัวให้เข้ากับระบบเกมรับของ นิกส์ ได้อย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากช่วยในการชู้ต 3 คะแนนและเก็บตกเกมใต้แป้น ว่า กันว่า อรีซา กลายเป็น’เพชร’ ที่หลุดจากรอบแรก มาสู่ นิกส์ แบบเหลือเชื่อ

  แต่ในยุคผู้จัดการทั่วไป ไอเซห์ โทมาส ที่นำปรัชญาสร้างทีมสมัยประสบความ สำเร็จกับ ดีทรอยต์ พิสตันส์ มาใช้นั้นคือ บุกด้วยผู้เล่น back-court เป็นอย่าง แรก ทำให้ อรีซา และเพื่อน แอนเฟอร์นี ‘เพ็นนีย์’ ฮาร์ดาเวย์ จึงถูกจับส่งไปให้ กับ ออร์แลนโด จิก เพื่อแลกกับผู้เล่น All-Star 3 สมัย ฟรันซิส

ก่อนมา ฟรันซิส คือ เครื่องจักรทำคะแนนให้ทั้ง เมจิก และ ฮูสตัน ร็อคเกตส์ ทีมเก่าหลังทำเฉลี่ยเกือบ 20 คะแนนต่อเกม แต่หลังมาอยู่กับ Knickerbockers กลับเหลือแค่ 10.8 คะแนนต่ำสุดในชีวิตการเล่นกับอีก 3.5 assists และ 3
รีบาวด์ หลังถูกแฟน นิกส์ โห่ไล่ ฟรันซิส ย้ายไปอยู่กับ ปอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส ต่อในปี 2008

            ย้ายกลับมาที่ อรีซา เขาเป็นส่วนหนึ่งกับการพา LA เลเกอร์ส คว้าแชมป์ในปี 2009 และปัจจุบันอยู่กับ ร็อคเกตส์ และลงเล่นเป็นปีที่ 14 ปี

11> นิกส์ trade เจ.อาร์ สมิธ และอิมาน ชูมเพิร์ต

ในปี 2015 นิกส์ ต้องการปัดกวาดบ้านเพื่อทำให้ salary cap เปิดกว้างมากขึ้น ประธาน-ฟิล แจ๊คสัน จับ เจ.อาร์ สมิธ และอิมาน ชูมเพิร์ต 2 คน ปล่อยไปให้กับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส

นิกส์ ปล่อยตัว ชูมเพิร์ต ที่ทำคะแนนวงในได้นอกเหนือจาก 3 คะแนน ด้วยเหตุผลของการบาดเจ็บจนเสียตำแหน่งตัวจริงไป เช่นเดียวกับ สมิธ ผู้เล่นทำคะแนนเฉลี่ยสูงสุดของทีมนอกเหนือจากเคยคว้ารางวัล Sixth Man of the Year Award ในปี 2013 ด้วยเหตุผลไม่ต่างกัน

นิกส์ ได้ แลนซ์ โทมาส,ลู อมุนด์สัน,อเลก เคิร์ธ (ถูกปล่อยตัวทันที) และสิทธิ draft รอบ 2 ปี 2019 แม้ โทมาส เมื่อเข้ามาถึงก็สร้างความประหลาด ใจด้วยการทำเฉลี่ย 8 คะแนนต่อเกมและได้โอกาสลงเล่นนานสุดในชีวิตการเล่น นอกเหนือจากชู้ต ลูกโทษ และ 3 คะแนนได้ดี แต่เมื่อเทียบกับผล งานของ สมิธ และชูมเพิร์ต ที่ช่วยกันพา คลีฟแลนด์ คว้าแชมป์เมื่อปีที่แล้ว ถือว่ายังห่างไกลนัก

10>นิกส์ trade ดิเคมเบ มูทอมโบ

ในปี 2013 Hall-Of-Fame เจ้าของฉายา ‘เทพบล็อค’ เซ็นสัญญา 2 ปีกับ นิกส์ หลังถูกเพื่อนร่วมเมือง นิวเจอร์ซีย์ เน็ตส์ ปล่อยตัวออกมา ด้วยความที่เป็นคน nice มู ทอมโบ เข้ามาอยู่ในหัวใจแฟน นิกส์ ทันทีด้วยการทำให้ เกมรับ นิกส์ โดยเฉพาะ
รีบาวด์ ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา

แต่นั้นไม่ใช้กับผู้จัดการทั่วไปอย่าง ไอเซห์ โทมาส ที่ trade ผู้เล่น All-Star 8 และเจ้าของรางวัล Defensive Player of the Year อีก 4 ครั้งไปให้กับ ชิคาโก บูลส์ เพื่อแลกกับ จามาล ครอว์ฟอร์ด และเยโรม วิลเลี่ยมส์

ซึ่งการแลกเปลี่ยนตัวครั้งนี้ถือว่าไม่ผิดมากนักเพราะ 4 ปีที่ ครอว์ฟอร์ด อยู่กับ
นิกส์ เขาได้ทำผลงานไม่มีที่ติ แต่ที่ผิดคือ นิกส์ กลับจับผู้เล่น C ซึ่งทีมหาตัวตายตัว แทนไม่ได้ไปแลกกับผู้เล่น G ที่มีอยู่มากมายในเวลานั้นมาแทน ก่อนที่พวกเขาจะผิด หนักขึ้นไปอีกคือ การจับ ครอว์ฟอร์ด ไปแลกกับ อัล แฮร์ริงตัน ในเวลาต่อมานั้นเอง

            9> นิกส์ เซ็นสัญญา เยโรม เจมส์
            เยโรม เจมส์ คือ 1 ในสมาชิกของ ซีแอตเติล ซู
เปอร์โซนิคส์ ที่เอาชนะ ซาคราเมนโต คิงส์ ว่าที่เต็ง
แชมป์ในปี 2005 ได้ในรอบแรก ก่อนเข้าไปเจอกับ ซาน
อันโตนีโอ สเปอร์ส ยุค ทิม ดันแคน โดยเจ้าตัวทำเฉลี่ย
12.5 คะแนน 6.8 รีบาวด์

            ว่าไปแล้วชื่อของ เยโรม เจมส์ แทบไม่มีใคร !
พูดถึงมากนักจนกระทั่ง นิกส์ ที่มองหา C ในแบบฉบับ
ของ แพทริค อีวิงค์ มาตลอดตั้งแต่ปี 2001 เกิดมาปิ้ง
เจมส์ นั้นคือ เหตุผลที่ทำให้ผู้จัดการทั่วไป ไอเซห์
โทมาส จับ เจมส์ มาเซ็นสัญญา 5 ปีพร้อมค่าเหนื่อย
$30 ล้าน

            ไม่ต้องแปลกใจ การลงทุนครั้งนี้ขาดทุนไม่เป็นท่า เจมส์ เข้าแคมป์ครั้งแรกในสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม ส่งผลให้เจ้าตัวพลาดการลงเล่นไป หลายนัดจากนั้นก็มาเจออาการบาดเจ็บเล่นงานสรุปอยู่กับ นิกส์ เขาทำเฉลี่ย 3 คะแนน 2 รีบาวด์ในปีแรก จากนั้นเข้าสู่ปีที่ 2 กลายเป็นว่า เจมส์ ทำ เฉลี่ยน้อยกว่า 2 คะแนนต่อเกม (1.9) ก่อนถูกทีมลงโทษหลังไม่เตรียมตัวให้ดีก่อนเข้าแคมป์ฝึกซ้อม หลังลงเล่นไป 4 เกมใน 2 ปีเจ้าตัวก็มาเจ็บ เอ็นร้อยหวายทำให้ นิกส์ ปล่อยตัวจากนั้น เจมส์ ก็ไปอยู่กับ ชิคาโก บูลส์

   8>นิกส์ trade เพื่อแลกกับการได้ตัว สเตบฟอน มาร์บิวรีย์

          ว่ากันว่าการ traded ผู้เล่นที่ผู้จัดการทั่วไป ไอเซห์ โทมาส ทำผิด
พลาดครั้งใหญ่หลวงก็คือ การไปคว้าตัว PG  สเตบฟอน มาร์บิวรีย์ มาจาก
ฟี นิกซ์ ซันส์ ในปี 2004 (คู่กับ เพ็นนีย์ ฮาร์ดาเวย์ และเซซารีย์ ทรีแบนสกี้)
โดย นิกส์ ยอมเสีย สิทธิ draft รอบแรกในปี 2004 กับ 2010 นอกเหนือ
จาก อันโตนีโอ แม็คดายส์ และชาร์ลี วอร์ด พร้อมเงินอีก $ 3 ล้าน

    นิกส์ ฝากความหวังไว้กับผู้เล่น All-Star 2 สมัยคนนี้ไว้สูง แต่สิ่งที่ได้รับ
คือ การเข้าไปเล่นเพลย์ ออฟ แค่หนเดียวใน ปี 04 ก่อนความวุ่นวายทั้ง ภาย
ในและนอก จะตามในภายหลัง

  ส่วนสิทธิ draft ทั้ง 2 ปีของ นิกส์ ถูกส่งต่อไปให้ ยูท่าห์ แจ๊ซซ์ ซึ่งใน
ปี 2004 แจ๊ซซ์ คว้าตัว เคิร์ธ สไนเดอร์ จากนั้นในปี 2010 ก็เป็น กอร์ดอน
เฮย์วาร์ด

            ซึ่งหลายคนกล่าวว่า ถ้า นิกส์ ไม่ปล่อยสิทธิ draft ที่ว่านั้นไป พวก
เขามีลุ้นได้ตัวผู้เล่นอย่าง เจ.อาร์ สมิธ,เอริค เบลดโซ,โทนีย์ อัลเล็น,ฮาส
ซาน ไวท์ไซด์,เอเวรีย์ แบรดลีย์ หรือไม่ก็ พอล จอร์จ เข้ามาสู่ทีมก็เป็นได้

7 >นิกส์ trade ลาเทรลล์ สปรีเวลล์ เพื่อแลกกับ คีธ แวน ฮอร์น
นี่คือ การแลกเปลี่ยนตัวที่ผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของ นิกส์ สปรีเวลล์ เข้ามาอยู่ กับ นิกส์ หลังมีปากมีเสียงกับโค้ช พีเจ คาร์เลสซิโม ที่คุมทีม โกลเด้นสเตต วอร์ริเออร์ส ในปี 1997 และเขาก็มีส่วนการพา นิกส์ ที่เข้าสู่เพลย์ ออฟ ในฐานะทีมอันดับ 8 ทีมแรก ที่เดินหน้าเข้าสู่รอบชิง NBA ได้ก่อนไปแพ้ ซาน อันโตนีโอ สเปอร์ส ในปี 1999

แม้ในปี 2001 สปรีเวลล์ จะถูกเลือกเข้าสู่เกม All-Star เป็นหนที่ 5 ในชีวิต แต่นั้นไม่ ช่วยให้ นิกส์ เข้าไปเล่นเพลย์ ออฟ ได้ในปีถัดไป 2002 และหน้าร้อนนั้น สปรีเวลล์ ก็ ถูกจับส่งไปให้ มินเนโซตา ทิมเบอร์วูลสฟ์ ในการแลกเปลี่ยนกัน 4 ทีมและก็เป็น ส ปรีเวลล์ ที่พา ‘มหาป่า’ ทิมเบอร์วูลสฟ์ ทะลุเข้าถึงรอบชิงฝั่งตะวันตกได้เป็นครั้งแรก

กลับมาที่ นิกส์ คีธ แวน ฮอร์น อดีตผู้เล่นของ U. ยูท่าห์ ที่ถูก draft จากรอบ 2 ปี 1997 หลังย้ายมาอยู่ นิกส์ ในปี 2002 ก็ทำเฉลี่ย 16.4 คะแนน แต่นั้นยังไม่ดีที่จะทำให้ นิกส์ ประทับใจกลับยกเขาไปให้กับ มิลวอคกี้ บัคส์ เพื่อแลกกับสิทธิ draft ที่ทำให้พวกเขาได้อดีตผู้เล่นที่ถูก เลือกจากรอบแรกอย่าง ทิม โทมาส เข้ามา
  6> นิกส์ ปล่อยให้ เยเรมีย์ หลิน จากไป

ในปี 2011 ถือเป็นอีก 1 ซีซั่นที่แฟน die-hard นิกส์ มีความสุขจากผลงานของนักบาสชาว ไต้หวัน เยเรมีย์ หลิน G จาก ฮาร์วาร์ด ที่ถูกเมินจากการ draft แต่มีทุกอย่างครบเครื่องอย่างที่ทีมต้องการ

  หลิน พา นิกส์ ทำสถิติชนะ 7 นัดติดก่อเกิดตำนาน Linsanity ขึ้นมา แต่หลังซีซั่นจบแทนจะได้รับการต่อ สัญญาออกไป กลายเป็นว่าเจ้าตัวถูกส่งต่อไปให้กับ ฮูส ตัน ร็อคเกตส์ ด้วยเหตุผลว่า ไม่ต้องการจ่ายเงินจำนวน $10.2 ล้านในสัญญา 2 ปีแรกจาก 3 ปีที่เซ็นกันไว้โดย ปีสุดท้ายจะต้องจ่ายอีก $14.8 ล้าน

เหมือนกับความผิดพลาดทุกครั้งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา นิกส์ พยายามหา หลิน คนที่ 2 ล่าสุด พวกเขาไปลงที่
เดอร์ริค โรส อดีตผู้เล่น All-Star และเจ้าของ MVP ในปี 2011 แต่สุดท้ายแล้ว โรส ก็ยังไม่ตอบโจทย์ที่ นิกส์ ต้องการได้

5> นิกส์ คว้าตัว อมาเร สเตาเดอมาย

นิกส์ เคลิ้มไปกับตัวเลขสถิติที่ สเตาเดอมาย ที่ได้รับฉายาว่า ‘Stat’ ทำไว้ทำให้พวกเขาตัดสินใจไปคว้าตัว สเตาเดอมาย มาเป็นเซ็นสัญญา ด้วยเป็นเวลา 5 ปีพร้อมค่าเหนื่อย $ 99.7 ล้าน

ภายใต้การโค้ชของ ไมต์ ดิ’แอนโธนี ที่เคยทำงานร่วมกันมาสมัยคุม ซันส์ ปีแรกของการประเดิมลงเล่นให้ นิกส์ ด้วยเวลาเฉลี่ย 36.8 นาทีต่อ เกมสูงสุดในชีวิตการเล่น และทำเฉลี่ย 25 คะแนนต่อเกม (25.3) ก่อนถูก เลือกเข้าสู่เกม All-Star ต่อด้วยการลุ้นรางวัล MVP ถือเป็นการเริ่มที่สวย หรูของ สเตาเดอมาย และ นิกส์

แต่นั้นเป็นแค่ภาพลวงตาเพราะ เมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 สถิติทุกตัวตกลงอย่าง น่าใจหายหลังเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บเข่าที่ทำให้เข้ารับการผ่าตัดในปี 2005 จากนั้น 4 ปีถัดไป สเตาเดอมาย พลาดการลงเล่นไปเกือบ 100 เกมก่อนจะ ยุติบทบาทของตนในเวลาต่อมา

4> แพทริค อีวิงค์ ถูก trade ไปอยู่กับ ซีแอตเติล ซูเปอร์โซนิคส์

นี่คือ 1 ใน 4 การ trade ผู้เล่นที่แฟน นิกส์ ทนไม่ได้ อีวิงค์ ที่ได้
รับการยอมรับว่าเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่สุดเท่าที่ นิกส์ เคยมีมาถูกจับส่ง
ไปแลกผู้เล่นอย่าง SG เกล็น ไรซ์,C ลุค ลองค์ลีย์ และทราวิส ไนท์,
G-เวอร์นอน แม็กแซลล์,F-วลาดิเมอร์ สเตบฮาเนีน และลาซาโร บอร์
เรลล์,สิทธิ draft รอบแรกปี 2001 (ยามาล ทินส์ลีย์),สิทธิ draft รอบ
แรกปี 2002 (คารีม รัช) และ สิทธิ draft รอบ 2 ปี 2 คน (ไมเคิล ไรท์
และเอริค เชโนวิท)

เมื่อดูจำนวนที่ นิกส์ ได้มาแม้เป็นจำนวนมหาศาลเมื่อเทียบกับ
คน ๆ คนเดียว แต่สำหรับคุณค่าทางด้านจิตใจโดยเฉพาะความจงรัก
ภักดีของ อีวิงค์ ที่อยู่กับ นิกส์ มานานถึง 16 ปีเหลือแค่ 2 ปีสุดท้าย ก็
จะทำสถิติลงเล่นทีมเดียวจนจบชีวิตการเล่น ถือว่าโหดร้ายแต่นั้นคือ
วิถีของนักกีฬาอาชีพ ท้ายสุดหลังย้ายไป ซีแอตเติล อีวิ่งค์ ก็ไปจบชี
วิตการเล่นกับ ออร์แลนโด

3> นิกส์ trade เพื่อแลกกับ อันโตนีโอ แมคดายส์

นิกส์ ที่กำลังมองหาผู้เล่นในตำแหน่ง PF ตัดสินใจ traded C ตัวจริง มาร์คัส แกมบีย์,PG มาร์ค แจ๊คสัน และสิทธิ draft ลำดับที่ 7 ของปี 2002 ไป ให้ เดนเวอร์ นัคเกตส์ เพื่อแลกกับ อันโตนีโอ แมคดายส์

ถ้าดูแล้วเหมือน นิกส์ จะได้กำไรจากผลงานของ แมคดายส์ ที่ถูกเลือก เข้าสู่ All-Star ตลอดช่วงที่ผ่านมา แต่ในความโชคดี นิกส์ กลับเจอโชคร้าย เมื่อ แมคดายส์ เริ่มต้นกับทีมใหม่ด้วยการเจออาการบาดเจ็บเข่าตั้งแต่เกมอุ่น เครื่องหมดสิทธิลงเล่นทั้งซีซั่น จากนั้นในปีถัดมามีโอกาสได้ลงเล่นแค่ 18 เกมก่อนถูก นิกส์ traded ไปให้ ฟีนิกซ์ ซันส์ ในเวลาต่อมา

ย้อนกลับไปยังผู้เล่น นิกส์ ที่เสียโดยเฉพาะ แกมบีย์ ในปี 2006 คว้า รางวัล Defensive Player of the Year Award นอกเหนือจากถูกเลือกเข้าสู่ทีมรวมดารา NBA All-Defensive ทีมแรก และ 2 ในปี 2004 กับ 08 ส่วน draft ลำดับที่ 7 ของปี 2002 เดนเวอร์ ไปคว้าตัว เนเน ที่เล่นใน NBA นานถึง 15 ปีเมื่อเทียบกับ แมคดายส์ ที่เล่นแค่ 18 เกมนี้งานนี้ นิก์ ขาดทุนป่นปี้

    2> นิกส์ trade เพื่อได้ตัว อังเดร บาร์กนานี่ เข้ามา
            การ draft อาจต่างจากการ traded แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คล้ายกัน
เหมือนอดีตผู้จัดการ นิกส์ เกล็น กรุนวอลด์ ที่เข้ามาอยู่กับ นิกส์ ในปี 2012
หลังเคยทำหน้าที่เดียวกันนี้กับ โตรอนโต แรพเตอร์ส ระหว่างปี 1997-2004

  ในการ draft รอบแรกของปี 2006 แรพเตอร์ส เลือก PF/C ชาว อิตาลี
อังเดร บาร์กนานี ที่สรีระเสียเปรียบ นอกเหนือจากปัญหาเรื่องการชู้ตเข้ามา
สู่ทีม และเมื่อ กรุนวอลด์ เข้ามาอยู่กับ นิกส์ ในปี 2012 เขาก็ยก มาร์คัม
แกมบีย์,สตีฟ โนวัค,คินติน ริชาร์ดสัน และสิทธิ draft รอบ 2 ปี 2017 ไป
เพื่อแลกกับการได้ตัว บาร์กนานี เข้ามา

            เป็นอีกครั้งที่ นิกส์ ขาดทุนยับเพราะ ไม่เพียงแค่ บาร์กนานี ลงเล่น
ได้แค่ 93 จาก 164 เกมเนื่องจากปัญหาการบาดเจ็บแต่ยังทำให้ salary
cap ของ นิกส์ เหลือแค่ $11 ล้านทำให้ นิกส์ ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
            ข้ามไปฝั่งของ แรพเตอร์ส พวกเขาใช้สิทธิ draft ที่ได้มาจาก
นิกส์ คว้าตัว ยาค๊อบ โพลต์ เข้ามาสู่ทีม

1>นิกส์ trade เพื่อได้ตัว เอดดีย์ เคอร์รีย์

นี่คือ 1 ในความผิดพลาดที่ถือว่าร้ายแรงสุดของ นิกส์ ในปี 2005 พวกเขา traded สิทธิ draft รอบ แรกปี 2006 และรอบ 2 ปี 2007 กับ 2009 เพื่อแลก กับสิทธิ draft รอบแรกปี 2007 พร้อมกับผู้เล่นอีก 3 คนคือ ไมเคิล สวีตนีย์,ทิม โทมาส และเจอร์แมน แจ๊ค สัน ไปให้ ชิคาโก บูลส์ เพื่อได้ตัว C เอ็ดดีย์ เคอร์รีย์ และ F อันโตนีโอ เดวิส

  10 ปีให้หลังการ traded ครั้งนี้ได้กลับมาทำร้าย นิกส์ ไม่เลิก หลังปีแรกทำเฉลี่ย 19 คะแนน 7 รีบาวด์ สำหรับ เคอร์รีย์ จากนั้นเจ้าตัวใช้เวลาส่วนใหญ่กับการ เดินเข้าออกใน โรงพยาบาล ก่อนถูกทีมปล่อยตัว

         ขณะที่ บูลส์ ใช้สิทธิ draft รอบแรกปี 2006 คว้า ตัว ลามาร์คัส อัลดริดจ์ ก่อน traded ต่อไปให้ ปอร์ต แลนด์ เพื่อแลกกับ ไทรุส โทมาส จากนั้นในปี 2007 บูลส์ ที่ได้สิทธิ draft รอบแรกมาจาก นิกส์ ก็คว้าตัว C โยอาคิม โนอาห์ ขณะที่ นิกส์ คว้า วิลสัน แชนด์เลอร์ เข้ามาในลำดับที่ 23 นั้นคือ สิ่งที่ทำให้แฟน นิกส์ เจ็บใจเพราะ ความจริงแล้ว โนอาห์ ควรมา อยู่กับทีม